การเป็นแพทย์ที่ดี

This slideshow requires JavaScript.

ฮิปโปคราตีส (Hippocrates) เป็นชาวกรีก เกิดเมื่อประมาณ 460 ปีก่อนคริสตกาล มีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกับนักปราชญ์กรีกคนสำคัญ เช่น  โสคราตีส (Socrates) เพลโต (Plato) อริสโตเติล (Aristotle) ฮิปโปคราตีสเป็นอาจารยแพทยที่มีชื่อเสียง ได้เริ่มแนวคิดทางการแพทย์และวิชาสมัยใหม่ บทนิพนธ์ของฮิปโปคราตีส (The Hippocrates collection) เป็นที่มาของจริยศาสตร์การแพทย์ (Medical Ethics) ที่สืบทอดมาเป็นเวลานาน ฮิปโปคราตีสได้กว่าวถึงจิตสำนึกของแพทย์และคามรับผิดชอบต่อวิชาชีพไว้ดังนี้
“ผู้ที่เป็นแพทย์ ต้องประกอบด้วยคุณลักษณะของความไม่อคติแบ่งแยก เป็นผู้มีศีลธรรม ความสุภาพอ่อนโยน แต่งกายเหมาะสม มีวิธีการคิดทด้วยเหตุผลอย่างเป็นระบบ มีการตัดสินใจที่ดี บุคลิกภาพสงบ น่าเชื่อถือ มีความประพฤติดีงาม มีสติปัญญาสามารถแยกแยะความดีและความชั่ว สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต ธรรมชาติที่จะช่วยเหลือผู้อื่นโดยคามสามารถ ไม่หลงงมงายในความเชื่อที่ผิด เป็นผู้มีความดีงามโดยที่มนุษย์ทั่วไปพึงมี คุณลักษณะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้เป็นแพทย์พึงตระหนักในจิตสำนึกและพัฒนาตนเอง ส่วนคุณลักษณะที่แพทย์ไม่พึงมี ได้แก่ ความเป็นผู้ขาดความอดทน หยาบคาย ละโมบ มักมากในกาม ไม่ซื่อสัตย์ และขาดหิริโอตัปปะ คือ ความละอายเกรงกลัวต่อสิ่งที่ผิด”
ฮิปโปคราตีสได้กล่าวถึงหลักความประพฤติที่สำคัญสำหรับการแพทย์ในการยึดถือปฏิบัติไว้ในคำปฏิญาณของแพทย์ที่จบการศึกษาในสมัยกรีกซึ่งรู้จักกันในชื่อ คำปฏิญาณของฮิปโปคราตีส (The Hippocrates Oath) มีสาระสำคัญดังนี้
1) การให้ความเคารพแก่ครูอาจารย์และแสดงออกถึงความกตัญญู โดยการดูแลทุกข์สุขของตัวอาจารย์และครอบครัว
2) การดำรงรักษาไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ของวิชาชีพและแนวทางการดำเนินชีวิต
3) การไม่มีทิฐิในการรักษาผู้ป่วย กรีใดที่ตนขาดความรู้ ความชำนาญ ก็ไม่ลังเลที่จะเชิญผู้รู้และผู้ชำนาญกว่ามาดูรักษาแทน แพทย์ไม่พึงให้ร้ายและทะเลาะวิวาทกันเองอันเป็นการเสื่อมเสียเกียรติ
4) ไม่ทำแท้งให้แก่สตรีใดๆ
5) ไม่กระทำในสิ่งที่เป็นร้ายต่อผู้ป่วย แม้ว่าจะได้รับการขอร้อง รวมถึงไม่แแนะนำในสิ่งที่ผิด
6) การรักษาความลับของผู้ป่วยไม่แพร่งพรายเร่องราวของผู้ป่วยให้แก่ผู้อื่น
7) การสำรวมระมัดระวังที่จะไม่ประพฤติผิดทางเพศ

ในปัจจุบันบางสิ่งอาจเปลี่ยนไปบ้างแต่ยังคงรักษาพ้นฐานความคิดเดิมไว้ ถ้าจำแนกคุณสมบัติเบื้องต้นให้ชัดเจนและเหมาะสมกับปัจจุบันจะได้ ดังนี้
1. สุขภาพกายต้องแข็งแรง การเป็นแพทย์ทุกคนต้องมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ หลังเอ็นทรานซ์ติดแล้ว 3 ปีแรกจะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยทำงานอดหลับอดนอน เม่อเข้าสู่ปีที่ 4 จะมีการอยู่เวรยาม แต่ยังไม่โหด อาจถึงแค่เที่ยงคน เมื่อเข้าสู่ปี 6 เวรจะโหดมากต้องอยู่วันเว้นวันหรือ วันเว้นสองวัน นักศึกษาปี 6 นี้ต้องดูแลผู้ป่วยตลอดคืน คนไข้เป็นอะไรต้องตามนิสิตแพทย์ก่อนในขณะที่กลางวันต้องทำงาน บางคนเป็นลมข้างเตียงผู้ป่วยก็มี ดังนั้น การมีร่างกายแข็งแรงมีความจำเป็น เพราะถ้าไม่เช่นนั้นอาจทำให้การทำงานขาดสะบั้นลงได้
2. ความเมตตากรุณาต่อผู้ที่ได้รับความทุกข์ทรมาน สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร์ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์ไทย และพระบิดาแห่งการสังคมสงเคราะห์ได้สั่งสอนนักเรียนแพทย์ให้ยึดมั่นในอุดมคติ ดังนี้
“ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นกิจจที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง”
พรหมวิหารธรรมเป็นธรรมอันประเสริฐ เป็นธรรมเครื่องอยู่ของพรหม สำหรับผู้เป็นแพทย์ ทำให้แพทย์ผูปฏิบัติพรหมวิหารธรรมเสมอด้วยพรหม มี 4 ประการ คือ
1) เมตตา ความรักใคร่ ปราถนาดีอยากให้ผู้ป่วยมีความสุขมีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่ผู้ป่วยเสมอ
2) กรุณา ความสงสารใฝ่ใจอันปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดอดร้อนของผู้ป่วยที่กลังได้รับอยู่ (Altruism)
3) มุทิตา มีความยินดีเมื่อผู้ป่วยอยู่ดีมีสุข
4) อุเบกขา ความวางใจเป็นกลาง มีจิตเรียบตรงดุจตราชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง
3. มีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
แพทย์ต้องไม่รังเกียจที่จะพูดคุยกับคนอื่น เมื่อผู้ป่วยซักกถามอะไรที่อาจไม่มีสาระ แพทย์ก็ควรตอบให้ผู้ป่วยเข้าใจโดยไม่รำคาญ อาจารย์แพทย์มักกล่าวว่า “ถ้าหมอหรอญาติของหมอเองเจ็บป่วยด้ยโรคที่หมอเองก็ยังไม่รู้ ต้องพึ่งคุณหมอคนอื่น คุณอยากถามอะไรกับคุณหมอท่านนั้นบ้างล่ะ”
ในโรงเรียนแพทยเร่องนี้ถือว่าเป็นจุดด้อยเพราะไม่มีการเรียนรู้อย่งจริงจัง แต่จะเรียนรู้ทางอ้อมจากการซึมซับจากอาจานย์แพทย์ การปฏิบัติงาน ไม่ใช่ว่าแพทยจะดุผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยไม่ได้ แต่แพทย์าสมารถเตือนได้เมื่อผู้ป่วยทำสิ่งที่ไม่สมควร (ไม่ดุก็เหมือนดุ) ไม่ใช่เพราะผู้ป่วยไม่ฟังแพทย์ แต่เพราะแพทย์เป็นห่วงผู้ป่วย สิ่งที่ผู้ป่วยทำอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิต
4. มีสติปัญญาที่ดี
ร่างกายของคนเรามหัศจรรย์มาก คือ เห็นเป็นรูปร่างอย่างนี้ ข้างในมีอะไรให้ศึกษาได้อย่างไม่รู้จักจบสิ้น แพทย์ต้องเรียนรู้รายละเอียดทั้งหมดในร่างกาย ผู้ที่เป็นนักศึกษาแพทย์ต้องมีคามจำดีไม่ใช่ได้หน้าลมหลัง เพราะมีความรู้ใหม่ๆเข้ามาเสมอ นอกจากนี้ แพทย์ต้องมีวิจารญาณสูง เพราะแพทย์ต้องวิเคราะห์องค์ความรู้ที่มีอยู่มากมายมาเป็นของตนเอง เลือกได้ว่าสิ่งใดไม่ดี
อ้างอิง